วันนี้ (12 มีนาคม 2563) นายจำลอง พุฒซ้อน เกษตรจังหวัดชลบุรี เข้าร่วมงานวันถ่ายทอดเทคโนโลยี (Field Day) เพื่อเริ่มต้นฤดูกาลผลิตใหม่ ปี 2563 ที่ศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) อำเภอพานทอง จังหวัดชลบุรี นายปรัตรวี วิจบ ปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานปกครอง อำเภอพานทอง จังหวัดชลบุรี เป็นประธานเปิดงาน มีเกษตรกรเข้าร่วมมากกว่า 100 ราย
นายปรัตรวี วิจบ ปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานปกครอง อำเภอพานทอง จังหวัดชลบุรี กล่าวว่า ทางรัฐบาลได้เล็งเห็นความสำคัญด้านการเกษตร จึงได้มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ทุกหน่วยงานในสังกัดเตรียมความพร้อมเกษตรกรเข้าสู่ฤดูกาลผลิตสินค้าเกษตร ปี 2563 เพื่อกระตุ้นให้เกษตรกรเริ่มต้นการผลิตโดยใช้เทคโนโลยี และ ภูมิปัญญาที่เหมาะสมกับพื้นที่ผ่านกลไกศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร หรือที่เรียกกันว่า “ศพก.” ซึ่งหน่วยงานภาคีที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนได้ร่วมกันนำองค์ความรู้และเทคโนโลยีสมัยใหม่มาผสมผสานกับภูมิปัญญาของเกษตรกรต้นแบบรวบรวมไว้ ณ ศูนย์เรียนรู้ฯ การจัดกิจกรรมถ่ายทอดเทคโนโลยีหรือ “ฟีลด์เดย์” และบริการการเกษตรในวันนี้ จึงเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยเตรียมความพร้อมของพี่น้องเกษตรกรก่อนเข้าสู่การเริ่มต้นฤดูกาลผลิตใหม่ ปี 2563 ได้เป็นอย่างดี
สำหรับพื้นที่อำเภอพานทอง จังหวัดชลบุรี ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ราบลุ่ม เหมาะแก่การทำนา ศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตรที่นี่จึงมีพืชหลักคือ “ข้าว” และยังมีการรวมกลุ่มในรูปแบบแปลงใหญ่ข้าวอีกด้วย งานวันถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อเริ่มต้นฤดูกาลผลิตใหม่ในปีนี้ ได้มุ่งเน้นให้เกษตรกรได้เรียนรู้แบบเห็น ของจริงผ่านฐานการเรียนรู้ 7 ฐาน ดังนี้
เริ่มจากฐานที่ 1 การจัดทำแปลงผลิตเมล็ดข้าวพันธุ์ดี ซึ่งถือเป็นจุดเด่นของ ศพก.แห่งนี้ เนื่องจากการทำพันธุ์ไว้ใช้เองนั้น นอกจากจะเป็นการลดต้นทุนแล้วยังทำให้เมล็ดพันธุ์มีความต้านทานต่อโรค ไม่ปนเปื้อนพันธุ์อื่นๆ อีกด้วย
ฐานที่ 2 การผลิตน้ำหมักชีวภาพ เพื่อใช้ในไร่นาเป็นการปรับปรุงบำรุงดิน และป้องกันโรคแมลงศัตรูข้าว ทำให้ลดต้นทุนเรื่องปุ๋ยเคมีและสารกำจัดแมลง
ฐานที่ 3 การปรับปรุงบำรุงดิน เพื่อเป็นการเตรียมดินสำหรับฤดูกาลเพาะปลูก และลดต้นทุนการใช้ปุ๋ยเคมี
ฐานที่ 4 เศรษฐกิจพอเพียง ถือเป็นองค์รวมที่มุ่งเน้นให้เกษตรกรยึดเป็นแนวทางการดำเนินชีวิต เพื่อลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาปัจจัยภายนอก และสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ในทุกสภาวะ
ฐานที่ 5 การเลี้ยงไก่ไข่ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการทำการเกษตรแบบผสมผสาน เป็นแหล่งอาหารในครัวเรือนและรายได้เสริมอีกทางหนึ่ง
ฐานที่ 6 เกษตรกรไทยร่วมใจหยุดเผาในไร่นา รณรงค์ให้เกษตรกรหยุดเผาฟางข้าว และนำมาทำเป็นปุ๋ยอินทรีย์จากฟางข้าว เพื่อเพิ่มธาตุอาหารในดิน ลดปริมาณการใช้ปุ๋ยเคมี ลดต้นทุน ลดฝุ่น PM 2.5
และฐานที่ 7 การเลี้ยงปูนา เป็นทางเลือกให้กับเกษตรกรในช่วงแล้งที่ไม่สามารถทำนาได้ เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้เสริมนั่นเอง
นอกจากนี้ นางศกลวรรณ โสภี เกษตรอำเภอพานทอง กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากเกษตรกรที่มาร่วมงานในวันนี้จะได้เรียนรู้แบบเห็นของจริงจากฐานเรียนรู้ทั้ง 7 ฐานแล้ว ยังมีการบริการการเกษตรอื่นๆ จากหน่วยงานสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมถึงหน่วยงานภาคี อาทิ ธกส. บริษัทเอกชน รวมทั้งกิจกรรมเสริม เป็นการจำหน่ายผลผลิตและผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรจากกลุ่มเครือข่าย ศพก.
ทั้งนี้ เกษตรกรที่เข้าร่วมงาน จะได้รับการถ่ายทอดความรู้แบบเห็นของจริง ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของการจัดงาน ที่ต้องการให้เกษตรกรเข้าถึงองค์ความรู้ที่เหมาะสม เกิดการประยุกต์ใช้ให้สอดคล้องกับกิจกรรมทางการเกษตรของตนเอง นำไปสู่การจะทำให้เกษตรกรมีความเข้มแข็งและอยู่ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไป